ตกขาวแบบต่างๆ บ่งบอกถึงสาเหตุอะไรบ้าง
ตกขาวแบบต่างๆ บ่งบอกถึงสาเหตุอะไรบ้าง ตกขาวคืออะไร
ตกขาว คือ สารคัดหลั่งทางช่องคลอด มีลักษณะเป็นมูกใสๆ หรือเป็นสีขาว หลั่งออกมาจากต่อมต่าง ๆ ภายในปากมดลูกและผนังช่องคลอด มักพบได้บ่อยในหญิงวัยเจริญพันธุ์ อาจทำให้สาวๆ จำนวนไม่น้อยหมดความมั่นใจ และยังก่อให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณจุดซ่อนเร้นด้วย โดยปกติตกขาวจะมีปริมาณมากในช่วงเวลาที่ไข่ตกในระยะกลางของรอบเดือน แล้วจะหายไป และกลับมาอีกรอบช่วงใกล้มีประจำเดือน
ความแตกต่างระหว่างตกขาวปกติและตกขาวผิดปกติ
ตกขาวแบบต่างๆ บ่งบอกถึงสาเหตุอะไรบ้าง ตกขาวปกติหรือตกขาวธรรมดา จะขึ้นอยู่กับปริมาณของฮอร์โมนเพศหญิงที่เปลี่ยนแปลงตามรอบประจำเดือน โดยปกติจะไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่ก่อให้เกิดอาการคัน และไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย อย่างเช่นมีไข้ ปวดท้อง หรือขัดเบา ซึ่งจะมีปริมาณเล็กน้อยเพื่อให้ภายในช่องคลอดชุ่มชื้น และอาจมีกลิ่นบ้างตามลักษณะกลิ่นตัวของแต่ละคน
ตกขาวผิดปกติ จะมีปริมาณตกขาวมากขึ้นผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด โดยมีลักษณะ สี และกลิ่นที่เปลี่ยนไปจากเดิม จากปกติที่มักใส ไม่มีสี ก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว ข้นเป็นก้อน เป็นมูกเลือด มีหนอง มีฟองปนออกมาจำนวนมาก หรือมีกลิ่นเหม็นคล้ายปลาเน่า อีกทั้งยังมีอาการคันและปวดแสบปวดร้อนที่บริเวณปากช่องคลอด รวมถึงมีไข้ รู้สึกปวดท้องน้อย ขัดเบา และมีอาการเจ็บเวลาทมีเพศสัมพันธ์
สีของตกขาวบอกถึงอะไร
1.ตกขาวเป็นน้ำหรือเมือกใส
เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะในช่วงกึ่งกลางของรอบเดือนที่มีการตกไข่ จะมีปริมาณ ตกขาว มากเป็นของเหลวใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่คัน แต่ถ้ามีอาการตกขาวเป็นน้ำและไหลเป็นฟอง รวมถึงมีอาการคันร่วมด้วย อาจจะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรืออาการอักเสบภายในช่องคลอดก็ได้
2.ตกขาวเป็นก้อนสีขาว
เกิดจากการติดเชื้อราที่มีชื่อว่า “แคนดิดา อัลบิแคนส์” (Candida albicans) ส่งผลให้ตกขาวมีลักษณะเป็นก้อนสีขาวข้นหรือสีเหลืองขาวคล้ายนมบูด มีกลิ่นเหม็นแต่ไม่คาว อาจทำให้ปัสสาวะแสบขัดหรือรู้สึกแสบคันในบางครั้ง มักจะเกิดกับผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำหรือใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานๆ
3.ตกขาวสีเหลือง
สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุดังนี้
- การติดเชื้อไวรัส เป็นตกขาวที่มีสีเหลืองและมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ เกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อย่างเช่น เชื้อไวรัสจากโรคเริม ทำให้มีตุ่มน้ำใสๆ ขนาดเล็กและจะแตกออกกลายเป็นแผลที่รู้สึกแสบคัน
- การติดเชื้อแบคทีเรีย จุดเด่นที่สังเกตได้ชัดเจนคือ ตกขาวมีกลิ่นคาวปลาและอาจมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อผ่านทางเพศสัมพันธ์
- การติดเชื้อรา เกิดจากการติดเชื้อรา Candida albicans
- การติดเชื้อหนองใน เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “ไนซีเรียโกโนเรียอี” (Neisseria gonorrhoeae) จึงทำให้มีปริมาณตกขาวมากขึ้น ซึ่งมีลักษณะเป็นหนองสีเหลืองหรืออาจจะมีสีเขียวปน ส่งผลให้มีกลิ่นเหม็นแต่ไม่คัน อีกทั้งยังทำให้มีอาการปวดแสบขณะปัสสาวะได้
- การติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด ส่วนใหญ่มักจะทำให้ตกขาวมีสีเขียว แต่ในบางครั้งก็ทำให้เป็นสีเหลืองได้เช่นกัน อีกทั้งยังมีสาเหตุอื่นๆ อย่างเช่นการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Chlamydia อาการปากมดลูกอักเสบ หรือช่องคลอดอักเสบ แต่ก็พบได้ไม่บ่อยเท่าสาเหตุอื่นๆ ที่กล่าวมาข้าง
4.ตกขาวสีเขียว
เป็นตกขาวที่เกิดจากการติดเชื้อพยาธิในช่องคลอดประเภทโปรโตซัวที่มีชื่อว่า “ทริโคโมแนส วาจินาลิส” (Trichomonas vaginalis) ซึ่งมักเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ ตกขาวชนิดนี้จะทำให้มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เป็นฟอง มีอาการคันและแสบแดงที่บริเวณอวัยวะเพศ ผู้ป่วยบางรายจะมีอาการปัสสาวะขัดและมีตกขาวมากผิดปกติ นอกจากนี้แบคทีเรียบางชนิดยังสามารถทำให้ตกขาวมีสีเขียวได้ แต่จะไม่มีอาการคันและไม่มีกลิ่น ซึ่งอาจจะเป็นตกขาวปกติที่ไม่ต้องรักษา
5.ตกขาวสีเทา
เกิดจากการลดลงของแบคทีเรียชนิด “แลคโตบาซิลไล” (Latobacilli) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียก่อโรคในช่องคลอด ทำให้แบคทีเรียก่อโรคมีจำนวนเพิ่มขึ้นจนเกิดการอักเสบของช่องคลอด โดยมีสีขาวปนเทาอ่อน และมีกลิ่นเหม็นคล้ายกับกลิ่นปลาเค็ม อีกทั้งมักจะมีกลิ่นรุนแรงหลังหมดประจำเดือนใหม่ๆ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงยังสอดคล้องกับปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคอย่างเช่นการคุมกำเนิดด้วยห่วงอนามัย การสวนล้างช่องคลอด การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ และการรับประทานยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ เป็นต้น
6.ตกขาวสีน้ำตาล
อาจเกิดจากเลือดออกผิดปกติ ปนออกมากับตกขาว เช่น อาการเลือดออกจากการตกไข่ที่มักเกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ หลังจากที่มีประจำเดือนวันแรก โดยอาจจะมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ อาการเลือดออกจากประจำเดือนที่มาช้าหรือมาไม่ตรงรอบ เลือดออกที่เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ 3 หลังจากที่มีประจำเดือนวันแรก แต่ไม่มีอาการปวดท้อง มีลักษณะเป็นเลือดสีน้ำตาลที่ปริมาณไม่มากนัก นอกจากนี้เลือดออกจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก ก็อาจจะทำให้มีอาการเลือดออกกระปริบกระปรอย และมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย รวมถึงอาจเกิดจากการติดเชื้อที่ช่องคลอดหรือปากมดลูก จึงทำให้ตกขาวมีกลิ่นเหม็นและมีสีน้ำตาลปนจากเลือดเก่า
7.ตกขาวสีชมพู
พบได้มากในหญิงหลังคลอด ซึ่งเกิดจากการลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก หรืออาจจะเป็นสีของเลือดที่เรียกว่า “เลือดล้างหน้าเด็ก” ที่เป็นสีชมพูจางๆ
ตกขาว อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน แต่หากมีอาการผิดปกติก็ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนให้เราต้องระวังเกี่ยวกับสุขอนามัย ที่สำคัญควรหมั่นสังเกตตัวเองให้มากขึ้น และหากไม่มั่นใจ ควรเข้ารับการปรึกษาจากสูติ-นรีแพทย์ เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด
ตกขาวมีสี มีกลิ่น ปัญหาสุขภาพที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม
ดังนั้นเราต้องหาตัวช่วยดีๆ เพื่อตัวเราเองนะคะ
รีนูว่า อาหารเสริมสำหรับผู้หญิง